พระนางพญา พิษณุโลก เป็นพระเนื้อดินที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดพิษณุโลก ถึงขั้นจัดอยู่ในชุดเบญจภาคี พระเครื่องชั้นยอด ซึ่งมีอยู่ 5 องค์ด้วยกันคือ พระสมเด็จ พระรอดลำพูน พระนางพญาพิษณุโลก พระซุ้มกอกำแพงเพชร และพระผงสุพรรณ ซึ่งเป็นพระเครื่องสนนราคาหลักล้านจนถึงหลายล้านบาท ถ้าไม่ใช่เศรษฐีมีเงินทองเหลือใช้ก็ไม่มีโอกาสได้ไว้ครอบครอง
พระนางพญา มีกำเนิดอยู่วัดนางพญา จ.พิษณุโลก ซึ่งแต่ก่อนนั้น เป็นวัดเดียวกันกับวัดราชบูรณะ ต่อมาทางการได้ตัดถนนผ่านกลางพื้นที่วัด จึงถูกแบ่งออกเป็น 2 วัด และสาเหตุที่ชื่อวัดนางพญา ก็เพราะค้นพบพระนางพญานี่เอง
วัดราชบูรณะ สร้างโดยพระมหาธรรมราชา ส่วนวัดนางพญา สร้างโดยพระวิสุทธิกษัตรี พระมเหสีของพระองค์ เมื่อสร้างวัดก็ได้จัดสร้างพระนางพญาขึ้นบรรจุไว้ในกรุเจดีย์ ตามความเชื่อและนิยมของคนในสมัยนั้น เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา และเพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่ผู้สร้าง ปีที่สร้างประมาณ พ.ศ. 2090-2100
พระนางพญา มีรูปลักษณ์ 3 เหลี่ยม ประทับนั่งปางมารวิชัย ไม่มีฐานประทับ ถูกค้นพบครั้งแรกประมาณปี พ.ศ.2444 ครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสต้นถึงเมืองพิษณุโลก ทางจังหวัดได้เตรียมการต้อนรับเสด็จที่วัดนางพญา จึงมีการปรับพื้นที่และขุดหลุมเพื่อฝังเสาประรำพิธี จึงได้พบพระเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าอาวาสและเจ้าเมือง จึงนำพระจำนวนหนึ่งขึ้นทูลเกล้าถวายแด่พระเจ้าอยู่หัว พระองค์จึงแจกจ่ายแก่ประชาชน และข้าราชบริพารที่ตามเสด็จ ที่เหลือก็นำกลับกรุงเทพฯ
นอกจากค้นพบที่วัดนางพญาแล้ว ต่อมาก็พบอีกหลายวัด ล้วนแต่เป็นพระพิมพ์เดียวกัน เช่น กรุตาปาน พบบริเวณพื้นที่บ้านตาปาน ซึ่งน้ำมักท่วมขัง พระจึงเสียผิว มีเม็ดแร่ลอย จึงมักเรียกว่า กรุน้ำ
กรุวังหน้า (กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ได้จากเจ้าเมืองพิษณุโลก จึงบรรจุไว้ในที่อันสมควร ภายในพระราชวัง)
กรุวัดสังขจาย (กรุงเทพ ฯ) ปี พ.ศ.2479 พบที่พระเจดีย์องค์เล็ก วัดอินทรวิหาร (หลวงปู่โต เป็นผู้นำมาบรรจุไว้) และครั้งสุดท้าย ปี พ.ศ.2532พบที่กรุวัดราชบูรณะ พิษณุโลก
พระนางพญาเป็นพระเนื้อดินผสมว่านเกสรดอกไม้ 108 ชนิด ตลอดจนแร่กรวดทรายต่าง ๆ เมื่อกดพิมพ์และตากแห้งแล้วจึงนำไปเผา พระส่วนใหญ่เนื้อจะหยาบ ที่เป็นเนื้อละเอียดมีน้อย มีด้วยกัน 3 พิมพ์คือ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก
แบ่งตามลักษณะพิมพ์ได้ดังนี้
กลุ่มพิมพ์ใหญ่ ประกอบด้วย พิมพ์เข่าโค้ง, พิมพ์เข่าตรง (ซึ่งมีด้วยกัน 2พิมพ์คือ พิมพ์เข่าตรงธรรมดา และพิมพ์มือตกเข่า) และพิมพ์อกนูนใหญ่
กลุ่มพิมพ์กลาง มีเฉพาะพิมพ์สังฆาฏิ
กลุ่มพิมพ์เล็ก มีพิมพ์เทวดา หรือพิมพ์อกแฟบ และพิมพ์อกนูนเล็ก
พิมพ์พิเศษ คือพิมพ์เข่าบ่วง อยู่ในกลุ่มพิมพ์ใหญ่ แต่พบน้อยมาก ไม่รู้จักแพร่หลายเหมือนพิมพ์อื่น ๆhttp://randoungdee.tarad.com/article?id=68724&lang=th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น